วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

ลอดช่อง

ลอดช่อง หรือ เชนดอล (cendol; /ˈtʃɛndɒl/) เป็นขนมพื้นบ้านที่มีจุดกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นที่นิยมในอินโดนีเซีย[1] มาเลเซีย[2] พม่า (เรียกว่า မုန့်လက်ဆောင်း; Mont let saung) เวียดนาม และสิงคโปร์

ในประเทศไทย ขนมนี้รู้จักอีกชื่อว่า "ลอดช่องสิงคโปร์" มาจากเมื่อ พ.ศ. 2504 ร้านลอดช่องร้านแรกในประเทศไทย "สิงคโปร์โภชนา" ซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์สิงคโปร์หรือโรงหนังเฉลิมบุรี บนถนนเยาวราช ผู้คนไปรับประทานจึงมักจะเรียกว่า "ลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์" จนในที่สุดตัดทอนเหลือแต่เพียง "ลอดช่องสิงคโปร์" ร้านสิงคโปร์โภชนาก็ยังขายลอดช่องสิงคโปร์อยู่จนถึงปัจจุบัน

เบ็ดตกปลา

สับปะรด (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Ananas comosus) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือส่วนยอดของผลที่เรียกว่า จุก เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล

แต่ละท้องถิ่นเรียกสับปะรดแตกต่างกันออกไปเช่น[1]

ภาคกลาง เรียกว่า "สับปะรด"
ภาคอีสาน เรียกว่า "บักนัด"
ภาคเหนือ เรียกว่า "มะนัด, มะขะนัด, บ่อนัด"
ภาคใต้ เรียกว่า "ย่านัด, หย่านัด, ย่านนัด, ขนุนทอง, มะลิ" (โดย ย่านัด หรือ หย่านัด มีที่มาจาก

สัปปะรด

สับปะรด (ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Ananas comosus) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือส่วนยอดของผลที่เรียกว่า จุก เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล

แต่ละท้องถิ่นเรียกสับปะรดแตกต่างกันออกไปเช่น[1]

ภาคกลาง เรียกว่า "สับปะรด"
ภาคอีสาน เรียกว่า "บักนัด"
ภาคเหนือ เรียกว่า "มะนัด, มะขะนัด, บ่อนัด"
ภาคใต้ เรียกว่า "ย่านัด, หย่านัด, ย่านนัด, ขนุนทอง, มะลิ" (โดย ย่านัด หรือ หย่านัด มีที่มาจาก

เเอปเปิ้ล

ถูกจัดอันดับ: พืชดอก
ไม่ถูกจัดอันดับ: พืชใบเลี้ยงคู่แท้
ไม่ถูกจัดอันดับ: โรสิด
อันดับ: อันดับกุหลาบ
วงศ์: วงศ์กุหลาบ
สกุล: Malus
สปีชีส์: M. domestica
ชื่อทวินาม
Malus domestica
Borkh., 1803
ชื่อพ้อง
Malus communis Desf.
Malus pumila auct.[1]
Pyrus malus L.[2]

ต้นแอปเปิล (อังกฤษ: apple; ชื่อวิทยาศาสตร์: Malus domestica) เป็นต้นไม้ผลัดใบในวงศ์กุหลาบ มีผลรสหวานเรียกว่า ผลแอปเปิล แอปเปิลมีปลูกอยู่ทั่วโลกในลักษณะของไม้ผล และสายพันธุ์ที่ถูกปลูกมากที่สุดคือสกุล Malus ต้นแอปเปิลมีต้นกำเนิดในเอเชียกลาง ซึ่งบรรพบุรุษคือ Malus sieversii ยังคงพบได้ในปัจจุบัน แอปเปิลมีปลูกเป็นเวลาหลายพันปีในเอเชียและยุโรป และกลุ่มอาณานิคมชาวยุโรปนำมาปลูกที่อเมริกาเหนือ แอปเปิลมีความสำคัญทางศาสนาและเทพปกรณัมในหลายวัฒนธรรม รวมถึงนอร์ส กรีก และประเพณีต่าง ๆ ของคริสต์ศาสนิกชนของชาวยุโรป

ต้นแอปเปิลจะมีขนาดใหญ่หากเติบโตจากเมล็ด แต่จะมีขนาดเล็กถ้าถูกตัดต่อเนื้อเยื่อเข้ากับราก ปัจจุบันมีแอปเปิลที่พันธุ์ปลูกมากกว่า 7,500 ชนิด ทำให้แอปเปิลมีลักษณะพิเศษหลากหลาย พันธุ์ปลูกแต่ละพันธุ์จะมีรสชาติแตกต่างกัน และการนำไปใช้ต่างกันด้วย เช่น นำไปประกอบอาหาร กินดิบ ๆ หรือนำไปผลิตไซเดอร์ ปกติแอปเปิลจะแพร่พันธุ์ด้วยการตัดต่อเนื้อเยื่อ แต่แอปเปิลป่าจะเติบโตได้เองจากเมล็ด ต้นแอปเปิลและผลแอปเปิลอาจประสบปัญหาจากจากเห็ดรา แบคทีเรีย และศัตรูพืชต่าง ๆ ซึ่งอาจควบคุมได้ด้วยวิธีการทางเกษตรอินทรีย์และอนินทรีย์หลายวิธี ใน ค.ศ. 2010 มีการถอดรหัสจีโนมของแอปเปิล เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยควบคุมโรคและการคัดเลือกผสมพันธุ์ในการผลิตแอปเปิล

ใน ค.ศ. 2013 มีการปลูกแอปเปิลประมาณ 80 ล้านตันขึ้นทั่วโลก ประเทศจีนผลิตได้จำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าว[3] สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิตแอปเปิลมากที่เป็นอันดับที่สอง ด้วยการผลิตมากกว่า 6% ประเทศตุรกีเป็นที่สาม ตามด้วยประเทศอิตาลี อินเดีย และโปแลนด์ แอปเปิลมักนิยมกินดิบ แต่สามารถพบได้ในอาหารที่เตรียมขึ้น (โดยเฉพาะของหวาน) และเครื่องดื่ม มีความคิดว่าแอปเปิลส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม โปรตีนในแอปเปิลอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

อนุกรมวิธาน

เชอรี่

หลายสปีซีส์ รวมทั้ง:
Prunus apetala
Prunus avium (เชอร์รีป่า)
Prunus campanulata
Prunus canescens
Prunus cerasifera
Prunus cerasus (เชอร์รีเปรี้ยว)
Prunus concinna
Prunus conradinae
Prunus dielsiana
Prunus emarginata (เชอร์รีขม)
Prunus fruticosa
Prunus ilicifolia
Prunus incisa
Prunus laurocerasus (เชอร์รี Laurel)
Prunus litigiosa
Prunus lusitanica (เชอร์รี "Ginja")
Prunus mahaleb (เชอร์รี Saint Lucie)
Prunus maximowiczii
Prunus nipponica
Prunus pensylvanica (เชอร์รี Pin)
Prunus pilosiuscula
Prunus rufa
Prunus sargentii
Prunus serrula
Prunus serrulata (เชอร์รีญี่ปุ่น)
Prunus speciosa
Prunus subhirtella
Prunus tomentosa (เชอร์รีนานกิง)
Prunus x yedoensis (เชอร์รี Yoshino)

เชอร์รี เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ต้นเชอร์รีเป็นไม้ยืนต้นในสกุล Prunus สกุลย่อย Cerasus เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ชอบอากาศหนาวเย็น ใบเขียวเข้ม ดอกสีขาวอมชมพู ผลกลม ขนาดเล็ก เปลือกมีทั้งสีแดงเข้ม สีส้มและสีเหลือง โดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือเชอร์รีหวานกับเชอร์รีหวานอมเปรี้ยว แหล่งที่ปลูกเชอร์รีมากคือทวีปอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป และญี่ปุ่น

เงาะ

เงาะ (อังกฤษ: Rambutan; ชื่อวิทยาศาสตร์: Nephelium lappaceum Linn.) เป็นไม้ผลเมืองร้อน มีถิ่น กำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยทั่วไปเงาะ เป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตได้ดี ในบริเวณที่มีความชื้นค่อนข้างสูง เงาะในประเทศไทย จึงนิยมปลูกในบริเวณภาค ตะวันออกและภาคใต้ อาทิ พันธุ์สีทอง พันธุ์น้ำตาลกรวด พันธุ์สีชมพู พันธุ์โรงเรียน และพันธุ์เจ๊ะมง เป็นต้น แต่ พันธุ์เงาะที่นิยมปลูกเป็นการค้า มีแค่ 3 พันธุ์ คือ พันธุ์โรงเรียน พันธุ์สีทอง และพันธุ์สีชมพู ส่วนพันธุ์อื่นๆ จะมีปลูก กันบ้างประปรายและโดยมากมักใช้เพื่อบริโภคในครัวเรือน หรือใช้ประโยชน์ เพื่อการศึกษาทางวิชาการ[1] ในอดีตประ เทศที่ผลิตและส่งออกรายใหญ่ได้แก่ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่ปัจจุบันพบว่าประเทศผู้ผลิตใหม่ เช่น ออสเตรเลีย และฮอนดูรัส ได้เข้ามามีส่วนแบ่งในตลาด[2]เพิ่มมากขึ้น

มังคุล

มังคุด ชื่อวิทยาศาสตร์: Garcinia mangostana Linn. เป็นพันธุ์ไม้ไม่ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะซุนดาและหมู่เกาะโมลุกกะ แพร่กระจายพันธุ์ไปสู่หมู่เกาะอินดีสตะวันตกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 แล้วจึงไปสู่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ปานามา เอกวาดอร์ ไปจนถึงฮาวาย ในประเทศไทยมีการปลูกมังคุดมานานแล้วเช่นกัน เพราะมีกล่าวถึงในพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในสมัยรัชกาลที่ 1 นอกจากนั้น ในบริเวณโรงพยาบาลศิริราชยังเคยเป็นที่ตั้งของวังที่มีชื่อว่า "วังสวนมังคุด" ในจดหมายเหตุของราชทูตจากศรีลังกาที่เข้ามาขอพระสงฆ์ไทย ได้กล่าวว่ามังคุดเป็นหนึ่งในผลไม้ที่นำออกมารับรองคณะทูต

รำไทย

รำไทย หรือ นาฏศิลป์ไทย เป็นศิลปะการแสดงประกอบดนตรีของไทย แบ่งเป็นการแสดงชั้นสูง คือ โขน ละคร และการแสดงพื้นเมือง คือ ระบำ รำ ฟ้อน ซึ่งแต่ละท้องถิ่นจะมีชื่อเรียกและมีลีลาท่าการแสดงที่แตกต่างกันไป โดยท่ารำต่างๆ ได้รับอิทธิพลมาจากภาพจำหลักของศิลปะในสมัยต่างๆ มาตั้งแต่ครั้งโบราณ วิถีชีวิต หรือการประกอบอาชีพ ของแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งความเชื่อ ศาสนา ภาษา นิสัยใจคอของผู้คน ชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละภาค ซึ่งมีความอ่อนช้อยงดงามเป็นเอกลักษณ์  ซึ่งผู้เรียนจะได้เรียนรู้ศิลปะการใช้ท่าทางต่างๆ ตามแบบฉบับของศิลปะไทย ทั้งแบบดั้งเดิม ตั้งแต่พื้นฐานการรำเบื้องต้น การใช้แขน ขา ตัว การฝึกท่ารำแม่บทไปจนถึงนาฏศิลป์ชั้นสูง และการรำแบบไทยประยุกต์

ลำไย

ลำไย ชื่อวิทยาศาสตร์: Dimocarpus longan(มักเขียนผิดเป็น ลำใย) มีชื่อเรียกพื้นบ้านว่า บ่าลำไย ชื่อภาษาอังกฤษว่าลองแกน (Longan) วงศ์ Sapindaceae เป็นพืชพื้นเมืองในพื้นที่ราบต่ำของลังกาอินเดียตอนใต้ บังกลาเทศ พม่าและจีนภาคใต้ เป็นพืชไม้ผลเขตร้อนและกึ่งร้อน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสีน้ำตาล ออกดอกเป็นช่อ สีขาวครีม ผลทรงกลมเป็นช่อ ผลดิบเปลือกสีน้ำตาลอมเขียว ผลสุกสีน้ำตาลล้วน เนื้อลำไยสีขาวหรือชมพูอ่อน เมล็ดสีดำเป็นมัน เนื้อล่อนเม็ด

วิธีลดความอ้วน

สวัสดีค่ะ คือเราออยากมาแชร์ประสบการณ์การวิธีลดความอ้วนของเราที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆเพราะ แบบเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ หรือ อะไรมาก อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กหอที่ต้องลดน้ำหนัก
คือมันเป็นไรที่จะว่าง่ายก็ง่ายนะ ว่ายากหน่อยก็ได้ 5555555 แต่มันอยู่ที่ใจล้วนๆ

และอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าแปลกไหม เราไม่มีแรงบันดาลใจจากอะไรทั้งสิ้นเลย คนอื่นชอบถามว่าชอบใครเปล่าเลยพยายามลดบอกตรงๆ ตอนอ้วนไม่ได้ชอบใครเลย แค่วันนึงถ่ายรูปออกมาละ เห้ย!!? นี่ตัวฉันหรอ ... คือมันแบบ นะ เดี๋ยวตามไปดูรูป

เล่าเรื่องวิธีลดความอ้วนตั้งแต่แรก
คือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมาก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย

คือ อ้วนแบบมากๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆ ต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี 2 กินๆๆ เยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบ

ขนมหม้อเเกง

พูดถึงขนมหม้อแกง คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก

ขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ ขนมหม้อแกงเมืองเพชรที่ขึ้นชื่อลือชา เปิดมานานกว่า 60 ปี

***************************************************************

วันก่อนนิ่มได้เปิดยูทูปดูรายการ ครัวคุณต๋อย ตอนขนมหม้อแกงเผือกของแม่กิมไล้

พอคิดถึงกลิ่นหอมๆ เนื้อเนียนๆ ของขนมหม้อแกง มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องไปหาวัตถุดิบมาทำ

**************************************************************

ด้วยโชคดีที่นิ่มได้ซื้อเผือกหอมมาจากเมืองไทยและมีน้ำตาลโตนดแห่งเมืองเพชรติดมือมาด้วย

แต่ส่วนผสมที่แม่กิมไล้ให้มาเรียกว่า เลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้านเลย

*************************************************************

คราวนี้นิ่มก็ต้องงัดวิชาคณิตศาสตร์ที่นิ่ม ชอบม๊ากกกกมาก ขึ้นมา

หึ หึ กว่าจะคิดได้ล่อไปครึ่งวัน แต่เอาเถอะ ในที่สุดก็ได้มาแล้ว

***************************************************************

ต้องขอขอบคุณรายการครัวคุณต๋อยและคุณแม่กิมไล้มากๆนะคะ ที่ออกมาเผยแผ่สูตรขนมแบบไม่ปิด ไม่บังแต่อย่างใด

ขอให้กิจการคุณแม่กิมไล้ และรายการครัวคุณต๋อยเจริญรุ่งเรืองๆ ยิ่งขึ้นไปคะ สาธุ สาธุ

กล้วยบวชชี

กล้วยบวชชี หรือ กล้วยบวดชี (Banana in Coconut Milk) สูตรขนมไทยขนมหวานที่โปรดปรานของใครหลายคน ด้วยความหอมหวานอร่อยกลมกลมของน้ำกระทิและน้ำตาล บวกกับความอร่อยของกล้วยน้ำหว้า นี่ช่างลงตัวอร่อยหวานเข้ากันดีนัก…จริงๆแล้วกล้วยบวชชีเป็นสูตรขนมไทยที่ทำง่ายมากๆครับ ใครที่ยังไม่เคยทำกล้วยบวชชีรับประทานต้องลองทำดูนะไม่ยากเลย ทำเองได้เยอะเต็มที่ รับประทานได้อิ่มอร่อยสะใจกว่าที่ซื้อเขาเยอะเลย ถ้ากินไม่หมดก็สามารถเก็บแช่ตู้เย็น แล้วค่อยนำมาอุ่นกินวันหลังได้ครับ ยิ่งหากใครปลูกกล้วยน้ำหว้าเอาไว้ที่บ้าน นึกไม่ออกว่าจะนำกล้วยไปทำเมนูอะไร zabwer.com ก็ขอแนะนำด้วยเมนูขนมไทย กล้วยบวชชีสูตรอร่อย พร้อมเคล็ดลับวิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้ฟาดมาฝากกันครับ ที่มีสูตรขั้นตอนตามนี้เลย

ทุเรียนกวน

ส่วนผสมที่ใช้ทำทุเรียนกวน

• เม็ดทุเรียน 1/2 กิโลกรัม

• น้ำตาลปี๊ป 1 กิโลกรัม

• เนื้อทุเรียน 1 กิโลกรัม

วิธีการทำทุเรียนกวน
1.เตรียมเนื้อทุเรียนสำหรับกวน โดยเลือกเฉพาะลูกที่สุกงอมจัด ซึ่งสามารถสังเกตจากรอยแยกปริของเปลือกทุเรียน และเนื้อนิ่มเหลว แกะเอาเฉพาะเนื้อทุเรียนเท่านั้น ในส่วนเนื้อสีขาวที่ติดกับเม็ดไม่เอามาผสม เพราะจะทำให้เนื้อทุเรียนที่กวนเสร็จแล้วแข็งเป็นก้อน ๆ

2.นำทุเรียนที่แกะเม็ดแล้วไปชั่งน้ำหนักโดยใช้สัดส่วน เนื้อทุเรียน 1 กิโลกรัม ใส่ น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะแต่ถ้าหากต้องการให้ทุเรียนกวน
มีรสหวานจัดให้ใช้อัตราส่วนเนื้อ ทุเรียนแกะ 1 กิโลกรัมต่อน้ำตาลทราย 200 กรัม
3.ใส่ทุเรียนพร้อมน้ำตาลทรายที่ผสมกันลงกะทะซึ่งแห้งสนิท และกวนด้วยไฟอ่อน ๆ เพื่อไม่ให้ทุเรียนไหม้ การกวนในระยะแรกอาจมีการกระเด็นของทุเรียนที่มีน้ำเจือปนอยู่ 

4.วิธีกวนทุเรียนต้องระวังอย่าให้เนื้อทุเรียนติดกะทะนานเกินไปเพราะจะทำ ให้ไหม้ได้เมื่อเนื้อทุเรียนใกล้แห้งให้หาก้อนหินหรือก้อนอิฐผูก

ลวดนำมามัดติดกับหูกะทะเพื่อถ่วงไม่ให้กะทะหกหรือเอียงเนื่องจากเนื้อทุเรียนจะเริ่มมี ความเหนียว ในช่วงนี้ห้ามหยุดกวนเพราะจะทำให้

ทุเรียนไหม้ได้ง่าย กวนจนกว่าเนื้อทุเรียนจะแห้งสนิทโดยสังเกตจากการที่เนื้อทุเรียนเริ่มมันที่ ผิว และใช้ส้อมจิ้มเนื้อทุเรียนหากไม่มีเนื้อ

ทุเรียนติดส้อมขึ้นมาจึงยกขึ้น ทิ้งไว้ให้เย็น เพื่อบรรจุกล่องต่อไป

5.การบรรจุทุเรียนกวนต้องระมัดระวังความสะอาดและความชื้นวัสดุที่ใช้บรรจุต้องแห้งสนิทการจับเนื้อทุเรียนให้สวมถุงพลาสติกก่อนเพื่อ

ป้องกันความ ชื้นจากมือหรือวัสดุที่ใช้ตักซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดราขึ้นในการบรรจุเนื้อ ทุเรียนกวนควรอัดให้แน่นอย่าให้เกิดที่ว่าง  เพราะ

จะทำให้เกิดราได้เช่นกัน

ข้าวเหนียวมะม่วง

ย่างเข้าหน้าร้อนแบบนี้ เมนูขนมไทยสุดฮิตที่มาพร้อมความฮอตของอากาศก็ต้องยกให้ข้าวเหนียวมะม่วงเขาล่ะ เมนูขนมที่คนไทยรัก คนต่างชาติหลง แต่ก็รู้ ๆ ว่า ถ้าซื้อข้าวเหนียวมูนกับมะม่วงสุกมากินเอง ราคาแพงนะคะ ทำเองดีไหม ? ฟิน !

          เพราะเสน่ห์ของข้าวเหนียวมูนหวานหอมที่กินคู่กับผลไม้ตามฤดูกาลต่าง ๆ ก็อร่อยไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน หรือจะคู่กับขนมหวาน ๆ อย่างข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ เช่น หน้ากุ้ง สังขยา หน้าปลาก็อร่อยทุกจานจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ชาวต่างชาติต่างยกให้เป็นขนมหวานที่อร่อยที่สุดติดอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำเสนอ วิธีทำข้าวเหนียวมูนมาให้ได้ลองทำดูนะคะ

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน

          • ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
          • สารส้มโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
          • น้ำสำหรับแช่ข้าวเหนียว   
          • ใบเตยฉีกแล้วมัดประมาณ 10 ใบ
          • หัวกะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร
          • น้ำตาลทราย 200 กรัม
          • เกลือป่น 2 ช้อนชา

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมะม่วง
 
          • มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
          • ข้าวเหนียวมูน
          • กะทิ (สำหรับราด)
          • ถั่วเขียวซีกคั่ว

วิธีทำข้าวเหนียวมูน

          • 1. ซาวข้าวเหนียวจนสะอาด ใส่สารส้มลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมข้าวเหนียว จากนั้นคนผสมจนเข้ากัน แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง

          • 2. ล้างข้าวเหนียวที่แช่กับสารส้มไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้สักครู่

          • 3. เทข้าวเหนียวลงในหวดนึ่งข้าว ใส่ใบเตยลงไป นำหวดไปวางลงในน้ำเดือด นึ่งนานประมาณ 20 นาที จนข้าวเหนียวสุก

          • 4. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่นในอ่างผสมคนจะเข้ากัน เทข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 30 นาที จนข้าวเหนียวระอุ พร้อมเสิร์ฟคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุก

ข้าวเหนียวถั่วดำ

ข้าวเหนียวถั่วดำ
ส่วนผสม ถั่วดำแกงบวด
ถั่วดำ 1 ถ้วย
น้ำตาลปึก 1/3 ถ้วย
น้ำกะทิ 2 ถ้วย
น้ำ 4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
1. แช่ถั่วดำไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือจะแช่ค้างคืนก็ได้
2. นำถั่วดำที่ซาวสะอาดแล้ว ใสหม้อเติมน้ำ ตั้งไฟจนถั่วดำสุกนิ่ม
3. เติมกะทิ น้ำตาล และเกลือ ต้มต่อให้เดือดดีแล้วยกลง
4. เมื่อจะเสิร์ฟตักข้าวเหนียวใส่ถ้วย แล้วราดทับด้วยถั่วดำที่ทำเตรียมไว้
ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน
ข้าวเหนียว 1 ลิตร
กะทิ 3 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา

บัวลอย

. บัวลอยไข่หวาน

          สูตรบัวลอยอันดับต้น ๆ ที่นึกถึงเลยคือ บัวลอยไข่หวาน สูตรนี้เนื้อแป้งใส่เผือก ฟักทอง และน้ำใบเตยลงไปด้วยทำให้ได้สีเม็ดบัวลอยจากธรรมชาติ หรือถ้าไม่สะดวกหาวัตถุดิบก็ใช้สีผสมอาหารแทนได้นะคะ บัวลอยเนื้อเหนียวนุ่มเข้ากันดีกับน้ำกะทิหวานหอม ยิ่งถ้ามีไข่หวานเคี้ยวสนุก ๆ ไปพร้อมกันด้วยแล้วละก็ อูย… ถูกใจใช่เลย !

ฝอยทอง

บอกกับเพื่อนๆ ไว้ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วว่าจะเอาวิธีทำฝอยทองมาโพสต์ในเร็ววัน ^^  แต่เอาเข้าจริงกว่าจะได้โพสต์ วันเวลาก็ผ่านไปเกือบ 2 อาทิตย์ ต้องขอโทษเพื่อน ๆ ทุกคนที่รอฝอยทองด้วยนะคะ พิมงานยุ่งจริง ๆ จ้า แต่วันนี้มาโพสต์แหละค่ะ ^^

........ ฝอยทอง เป็นขนมไทยอย่างนึงที่พิมคุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยล่ะค่ะ  เหตุเพราะในสมัยก่อนเนี่ย (สัก 20-25 ปีที่แล้ว)  เวลาบ้านใครมีงานบุญกันทีไร เค้าก็จะมีการทำขนมพวกนี้ (ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน) ทั้งเพื่อทำบุญ ถวายพระ และแจกคนมาช่วยงาน กันคราวละมากๆ อยู่เสมอ  (ไข่เป็ดประมาณ 1000 ใบ)   ซึ่งคนที่ทำเนี่ยก็ไม่ใช่ใครอื่น  หากไม่ใช่ยายของพิมก็จะเป็นผู้ใหญ่  ๆ ที่พิมรู้จักอ่ะค่ะ  ดังนั้นแล้วเวลาที่เค้าลงมือทำกัน พิมก็เลยมักจะมีโอกาสได้ไปเล่นซนแถวบริเวณที่เค้าทำอยู่เป็นประจำ  บางทีก็ไปช่วยยกกาละมังสำหรับใส่ไข่ที่ตอกแล้ว  บางทีก็ช่วยยกกาละมังไข่ที่จะเอามาตอก (แต่อันนี้เค้าไม่ค่อยให้พิมยกกัน เพราะว่าชื่อเสียงพิมดังในทางซุ่มซ่าม เค้ากลัวพิมจะทำกาละมังไข่ตกแตก ^^")   บางทีก็ยกม้านั่งบ้าง  ยกกาละมังใส่เปลือกไข่บ้าง ... ทำนองนี้อ่ะค่ะ  (แต่เพิ่งมาได้ลงมือทำเองก็ตอนโตนี่แหละค่ะ)

ซึ่งในสมัยก่อนฝอยทองจะนิยมทำจากไข่แดงของไข่เป็ดล้วนๆ ค่ะ   แต่ปัจจุบันมีการผสมไข่แดงของไข่ไก่ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลของเส้นฝอยทองและลดกลิ่นคาวไข่อ่ะค่ะ ...  และในโอกาสช่วงนี้ที่ในห้องก้นครัวเค้ากำลังฮิตๆ ทำเค้กฝอยทองกัน  พิมก็เลยขอฉกฉวยโอกาสนี้ทำฝอยทองมาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน  เผื่อว่าใครสนใจอยากจะลองทำกินเล่นๆ  หรือทำแล้วเอาไปทำเป็นเค้กฝอยทองต่อ  ... อ่ะค่ะ

ก่อนอื่น ...... ก็มาดูหน้าตาฝอยทองกันก่อนนะคะ  นี่ค่ะ... ฝอยทองฝีมือพิม หน้าตาอย่างนี้เลย

ป.ล. ฝอยทองนี่ พิมขออนุโลมให้เป็นขนมไทยแล้วกันนะคะ   เพราะมีในเมืองไทยมานานแล้ว  แม้ต้นฉบับจะมาจากโประตุเกสก็ตาม

ลูกชุบ

วิธีทำลูกชุบสูตรหวานหอมอร่อย สีสันสวยงามน่าทาน

ลูกชุบ ขนมไทยมีความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่มีสีสันสวยงามหน้าตาน่ารับประทานสุดๆ และมีรสชาติหวานหอมอร่อยมากเช่นกัน ขนมลูกชุบนั้นทำมาจากถั่วเขียวกวน ปั้นเป็นรูปต่างๆ เช่น ผลไม้ ส้ม มะม่วง มังคุด ฯลฯ สีสันสวยงาม หรือจะนำมาประยุกต์ทำเป็นของหวานอื่นๆก็ได้ เช่น วุ้นลูกชุบ ตกแต่งหน้าเค้กก็น่ารับประทานยิ่ง และนอกจากรับประทานเป็นของหวานแล้ว เรายังมอบให้เป็นของฝากหรือมอบในวันเทศกาลต่างๆได้อีกด้วย

ทองม้วน

ขนมเปียกปูนกะทิสด ขนมแบบไทย ๆ by Kitty Chef โดย คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

     ขนมเปียกปูนกะทิสดเป็นขนมหวานไทยที่อร่อยและวิธีการทำไม่ยุ่งยาก มาดูวิธีทำกันค่ะ

ส่วนผสม ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
     • แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
     • น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
     • เกลือเล็กน้อย
     • น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม

ส่วนผสม กะทิราดหน้าขนม

     • กะทิ 500 กรัม
     • เกลือแค่หยิบมือ
     • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่ที่ใส่เพื่อให้น้ำกะทิข้น)
     • งาขาวคั่ว

ขนมเปียกปูน

ขนมเปียกปูนกะทิสด ขนมแบบไทย ๆ by Kitty Chef โดย คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

     ขนมเปียกปูนกะทิสดเป็นขนมหวานไทยที่อร่อยและวิธีการทำไม่ยุ่งยาก มาดูวิธีทำกันค่ะ

ส่วนผสม ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
     • แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
     • น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
     • เกลือเล็กน้อย
     • น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม

ส่วนผสม กะทิราดหน้าขนม

     • กะทิ 500 กรัม
     • เกลือแค่หยิบมือ
     • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่ที่ใส่เพื่อให้น้ำกะทิข้น)
     • งาขาวคั่ว